หนุมานชาญสมร


ท้าวโคดม  เป็นกษัตริย์ครองเมืองสาเกดมาเป็นเวลานานแต่ไม่มีโอรสธิดาเลย  ต่อมามีความเบื่อหน่ายในราชสมบัติจึงออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญศีลภาวนาอยู่ในป่านานถึงสองพันปี  วันหนึ่งนึกขึ้นก็ได้ทำพิธีบูชาไฟแล้วนั่งหลับตาร่ายเวทนาจนกระทั่งบังเกิดสาวสวยผุดขึ้นกลางกองไฟ    พระฤาษีโคดมตั้งชื่อให้นางว่า  กาลอัจนาและได้นางเป็นภรรยาทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข  ต่อมาไม่นานนางกาลอัจนาก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกสาวรูปร่างหน้างดงาม  โดยตั้งชื่อให้ว่า  สวาหะ

          ทุก ๆ เช้าพระฤาษีจะต้องเข้าป่าเพื่อหาผลไม้มาเป็นอาหาร  แต่ก่อนที่จะออกจากอาศรม  พระฤาษีมักจะสั่งกำชับให้นางกาลอัจนาเลี้ยงลูกอยู่แต่ในอาศรม

         พระอินทร์ต้องการแบ่งกำลังของพระองค์ไปเกิดในเมืองมนุษย์  เพื่อให้เป็นทหารของพระนารายณ์ซึ่งจะอวตารมาเกิดเป็นพระรามและทำสงครามกับทศกัณฐ์  วันหนึ่งจึงเหาะลงมาจากวิมาน   แล้วเข้าไปหานางกาลอัจนาในอาศรม  ขณะที่พระฤาษีโคดมออกไปหาผลไม้ตามปกติ  พระอินทร์เพียงพูดจาเกี้ยวพาราสีและกอดจูบเล้าโลมให้นางมีความรู้สึกเคลิบเคลิ้มก็สามารถทำให้นางตั้งครรภ์ได้ด้วยอิทธิฤทธิ์ของพระองค์  จากนั้นพระอินทร์ก็เหาะกลับไป  พอครรภ์แก่ครบกำหนดนางกาลอัจนาก็คลอดลูกออกมาเป็นชาย  มีกายสีเขียวเหมมือนพระอินทร์  พระฤาษีคิดว่าเป็นลูกของตน  จึงรักใคร่เลี้ยงดูอย่างทนุถนอมยิ่งกว่านางสวาหะเสียอีก    อีกไม่นานต่อมาขณะที่พระฤาษีออกป่าไปหาผลไม้  นางกาลอัจนานั่งมองพระอาทิตย์อยู่ในอาศรม  นางรู้สึกรักใคร่หลงใหลพระอาทิตย์มาก  พระอาทิตย์นั้นต้องการแบ่งกำลังของพระองค์ไปเกิดเพื่อช่วยพระรามทำศึกจึงลงไปหานาง  ซึ่งต่อมานางก็ให้กำเนิดลูกเป็นชายกายสีแดง  รูปร่างหน้าตาเหมือนพระอาทิตย์  แต่พระฤาษีคิดว่าเป็นลูกของตนจึงให้การเลี้ยงดูอย่างดี

          วันเวลาล่วงเลย  ไปจนกระทั่งในวันหนึ่งพระฤาษีโคดมพาลูกทั้งสามไปอาบน้ำที่ลำธาร  โดยพระฤาษีอุ้มลูกชายทั้งสอง  และให้นางสวาหะเดินตามไป  นางสวาหะนึกน้อยใจ  เดินบ่นว่าพ่อรักแต่ลูกของคนอื่นอุ้มไปไม่ต้องเดินให้ลำบาก  แต่ลูกของตัวเองต้องเดินไป  พระฤาษีได้ยินเข้าก็ซักถามด้วยความสงสัย  นางสวาหะจึงเล่าเหตุการณ์ที่นางเคยเห็นผู้ชายสองคนมาหาแม่  ก่อนที่แม่จะตั้งครรภ์แล้วให้กำเนิดน้องทั้งสอง    พระฤาษียังไม่ปลงใจเชื่อนางสวาหะเสียทีเดียวนัก  แต่ก็นึกแคลงใจ  เมื่อไปถึงริมลำธารจึงเสี่ยงทายโดยอธิษฐานว่า  จะโยนเด็กทั้งสามลงไปในลำธาร  ถ้าคนใดเป็นลูกของตนให้ว่ายน้ำกลับมาหาตนได้  ถ้าหากไม่ใช่ลูกของตนให้กลายเป็นลิง  ปรากฏว่ามีเพียงนางสวาหะคนเดียวที่ว่ายน้ำกลับมาหาพระฤาษี

          ส่วนเด็กชายทั้งสองกลายเป็นลิงว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งตรงกันข้ามและวิ่งเข้าป่าไป พระอินทร์กับพระอาทิตย์สงสารลูกจึงสร้างเมืองขีดขินขึ้นให้ลูกของพระอินทร์เป็นเจ้าเมืองชื่อว่าพระยากากาศ  ส่วนลูกพระอาทิตย์ชื่อสุครีพได้เป็นอุปราช  ซึ่งภายหลังพระยากากาศได้ช่วยยกเขาพระสุเมรุที่ทรุดลงให้ตั้งขึ้น  พระอิศวรจึงเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า พาลีธิราช   พระฤาษีโคดมรีบพาลูกสาวกลับอาศรม  เมื่อไปถึงก็ด่าว่านางกาลอัจนาด้วยความแค้นใจ  แล้วสาปให้นางเป็นก้อนหินและต้องถูกทหารของพระรามเอาไปถมมหาสมุทร  เพื่อสร้างถนนข้ามไปกรุงลงกาจมอยู่ใต้น้ำเช่นนั้นตลอดกาล    นางกาลอัจนาโกรธนางสวาหะที่ทำให้ถูกสาป  ก่อนที่นางจะกลายเป็นหิน  นางก็สาปลูกสาวให้ไปยืนขาเดียว  อ้าปากกินลมอยู่ที่เขาจักรวาล  จนกว่าจะมีลูกเป็นลิงจึงจะพ้นคำสาป พระอิศวรจึงทรงใช้ให้พระพายนำกำลังของพระองค์กับอาวุธวิเศษไปซัดเข้าปากของนางสวาหะ  นางก็ตั้งครรภ์ทันที

         อีกสามสิบเดือนต่อมา  ตรงกับวันอังคาร  เดือนสาม  ปีขาล  ก็มีลิงเผอกเหาะออกจากปากนางสวาหะ  มีกุณฑล  ขนเพชร  เขี้ยวแก้วและตรีเพชรเป็นอาวุธ  แผลงฤทธิ์ให้มีแปดมือ  สี่หน้า  หาวเป็นดาวเป็นเดือนได้  พระพายตั้งชื่อให้ว่า  หนุมาน  นางสวาหะสั่งว่าผู้ที่มองเห็นกุณฑล  ขนเพชร  เขี้ยวแก้ว  คือพระนารายณ์อวตารให้หนุมานถวายตัวเป็นทหารของพระองค์   หนุมานได้ขอลาแม่เพื่อเหาะท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ จนถึงสวนของพระอุมามเหสีของพระอิศวร  หนุมานเข้าไปปีนป่ายเก็บผลไม้กินบ้างหักกิ่งไม้และถอนต้นไม้เล่นบ้างด้วยความซุกซนตามประสาลิง    พระอุมาทรงทราบก็โกรธมาก  สาปหนุมานให้กำลังลดลงครึ่งหนึ่ง  จนกว่าจะพบพระนารายณ์ซึ่งอวตารเป็นพระราม  และพระองค์ลูบหลังให้ตั้งแต่หัวจรดหาง  ๓  ครั้ง  จึงจะพ้นคำสาป    ทางด้านพระรามพระลักษณ์  หลังจากที่นางสีดาถูกทศกัณฑ์ลักพาตัวไปแล้ว  ทั้งสองพระองค์ก็รีบเร่งเดินทางติดตามไปช่วยเหลือนางสีดาทันที

          วันหนึ่งหนุมานเที่ยวเล่นอยู่ในป่า  ก็พบพระรามนอนหนุนตักพะลักษณ์อยู่ใต้ต้นหว้า  หนุมานเห็นสองพระองค์มีสง่าราศี  รูปร่างหน้าตาก็งดงาม  จึงอยากเป็นมิตรด้วย  ก็เนรมิตร่างให้เล็กลงและโหนเถาวัลย์ขึ้นไปบนต้นหว้าแล้วรุดใบโปรยลงมาให้ถูกพระราม   พระลักษณ์เห็นใบไม้สด  ๆ ร่วงลงมามากมาย  ก็แหงนหน้าขึ้นดูและโบกมือไล่หนุมานโดยไม่กล้าส่งเสียงดัง  เพราเกรงว่าพระรามจะตกใจตื่น  ทว่าหนุมานกลับรูดใบหว้าโปรยลงมาอีก  ทำให้พระลักษณ์โมโหคว้าศรขึ้นเงื้อง่า  แต่ถูกหนุมานกระโจนลงมาแย่งไปได้แล้วขึ้นไปกระโดดโลดเต้นล่อหลอกบนต้นหว้า  พระลักษณ์จึงต้องปลุกพระราม    พระรามเห็นลิงน้อยสีขาวผ่องท่าทางองอาจก็ทรงเอ็นดู  บอกกับพระลักษณ์ว่าคงมิใช่ลิงธรรมดาเพราะมีกุณฑล  ขนเพชร  เขี้ยวแก้ว  หนุมานได้ยินจึงกลับร่างให้สูงใหญ่เท่าเดิม  ลงจากต้นไม้เอาคันศรถวายคืนให้พระราม  พร้อมกับขอถวายตัวเป็นทหารของพระองค์

          ครั้นหนุมานทราบว่าพระราม  พระลักษณ์  จะเสดํจไปตามนางสีดาที่กรุงลงกา  และต้องรบกับทศกัณฐ์ซึ่งเป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์เดช  จึงทูลลาไปหาสุครีพน้าชายของตนและพามาเฝ้าพระองค์     สุครีพขอให้พระรามช่วยสังหารพาลีพี่ชายของตนเสียก่อน  เพราะพาลีผดคำสาบานต่อพระอิศวรและพระนารายณ์ริบเอานางแก้วดาราที่พระอิศวรฝากมาให้สุครีพไปเป็นภรรยาของตน  เมื่อพาลีตายแล้วจึงจะเกณฑ์ไพร่พลลิงจากเมืองขีดขิมาช่วยทำสงครามได้   พระรามให้สุครีพไปท้าพาลีมารบกัน  ขณะพาลีกับสุครีพต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ  พระรามก็แผลงศรไปสังหารพาลี  แต่พาลีคว้าศรไว้ได้แล้วลงมาต่อว่าพระราม  พระรามบอกพาลีว่าพระองค์คือพระนารายณ์อวตารพร้อมกับสำแดงว่าเป็นพระนารายณ์  และเตือนพาลีให้นึกถึงคำสาบานที่ให้ไว้กับพระองค์เมื่อครั้งรับฝากนางแก้วดารามาให้สุครีพ  พาลีจึงสำนึกผิดเอาศรปักอกตนเองถึงแก่ความตาย

          ต่อมาหนุมานกับสุครีพรับบัญชาจากพระรามให้ไปเชิญท้าวมหาชมพูจากเมืองชมพูมาเฝ้าพระองค์ แต่ท้าวมหาชมพูไม่ยอมมาเฝ้า  หนุมานจึงสะกดท้าวมหาชมพูให้หลับแล้วยกไปถวายพระรามทั้งเตียง  ทำให้พระรามพอพระทัยมากทรงลูบหัวไปตลอดหาง  หนุมานก็พ้นคำสาปของพระอุมาได้กำลังกลับคืนมา

ลักษณะของหนุมาน

เป็นลิงเผือกสีขาวผ่อง  ปากอ้า  ไม่สวมมงกุฎ  เกิดจากกำลังของพระอิศวรและเทพอาวุธที่พระอิศวรให้พระพายนำไปซัดใส่ท้องของนางสวาหะ  หนุมานมีของวิเศษที่ติดตัวมาแต่กำเนิดคือ  กุณฑล  ขนเพชร  และเขี้ยวแก้วที่กลางเพดานปาก  สามารถแผลงฤทธิ์ให้มีแปดมือ  สีหน้า  หาวเป็นดาวเป็นเดือนได้ เป็นลิงที่มีฤทธิ์มาก   อีกทั้งฉลาดเฉลียวยิ่งนัก  เมื่อเสร็จศึกกรุงลงกาก็ได้บรรดาศักดิ์เป็นพระยาอนุชิตจักรกฤษณ์พิพรรธพงศาและได้ครองกรุงอโยธยาครึ่งหนึ่งตามที่พระรามทรงสัญญาไว้  แต่ไม่อาจนั่งบัลลังก์ได้จึงไปครองเมืองลพบุรี  ที่สร้างขึ้นใหม่

อาวุธของหนุมาน 

คือ ตรีเพชร (สามง่าม) เป็นอาวุธประจำตัว (จะใช้เมื่อรบกับยักษ์ตัวสำคัญๆ) มีความเก่งกล้ามาก สามารถแปลงกาย หายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพันแม้ถูกอาวุธของศัตรูทำร้ายจนตาย เมื่อมีลมพัดก็จะฟื้นขึ้นได้อีก

ภรรยาและบุตรของหนุมาน

  1. นางบุษมาลี เป็นภรรยาคนแรกของหนุมาน
  2. เบญกาย ธิดาของพิเภก มีบุตรกับหนุมานคือ อสุรผัด
  3. สุพรรณมัจฉา เป็นนางเงือก ธิดาของทศกัณฐ์ ได้เป็นภรรยาขณะจองถนนข้ามกรุงลงกา มีบุตรคือ มัจฉานุ
  4. นางวารินทร์ ได้ขณะตามล่าวิรุญจำบัง
  5. นางมณโฑ ได้ขณะปลอมตัวเป็นทศกัณฐ์
  6. นางสุวรรณกันยุมา ทศกัณฐ์ประทานให้ ขณะเสแสร้งแปรพักต์ (นางเคยเป็นภรรยาอินทรชิต)
  7. นางสนมอื่นๆอีก 5,000 ตน ที่พระรามประทานหลังจากเสร็จศึกกรุงลงกา และหนุมานได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พญาอนุชิตจักรกฤษณ์พิพัฒน์พงศา

เรียบเรียงโดย : นายวิทยา  มีกลิ่นหอม  ผู้ปฏิบัติงานบริหารชำนาญงาน  ฝ่ายอุทยานการศึกษา  สำนักการศึกษาต่อเนื่อง  มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

แหล่งอ้างอิง

  • อุดม ดุจศรีวัชร, ปรีชา กาบแก้ว. (2536). กำเนิดหนุมาน. กรุงเทพฯ : ทิพย์วิสุทธิ.
  • https://th.wikipedia.org/wiki/